![translation](https://cdn.durumis.com/common/trans.png)
นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
เลือกภาษา
สรุปโดย AI ของ durumis
- “การคิดเชิงบวกสุดขีด” ของจางวอนยอง IVE ได้แพร่กระจายไปในฐานะมีม “การคิดแบบวอนยอง” และเผยแพร่แนวคิดเชิงบวก
- นี่เป็นมากกว่าแค่คำฮิต แต่เป็นตัวอย่างที่ดีที่มอบความหวังและอิทธิพลในเชิงบวกให้กับคนรุ่นใหม่ และส่งข้อความในเชิงบวกไปยังสังคมที่คุ้นเคยกับเนื้อหาเชิงลบ
- ฉันเองก็มีแนวคิดว่า “ความทุกข์ยากคือทางไปสู่พร” และต้องการเน้นย้ำว่าแนวคิดเชิงบวกนี้สามารถส่งผลดีต่อคนรอบข้างได้
[โลกแห่งครีเอเตอร์ของฮยองจู]
มีม 'ความคิดในแง่ดีสุดๆ' ของจางวอนยอง IVE กำลังเป็นที่นิยม
ตัวอย่างที่ดีของไอดอลที่มีอิทธิพลในเชิงบวก
ขอบเขตของมีมอยู่ที่ไหนกันนะ? ไม่นานมานี้ 'ความคิดในแง่ดีสุดๆ' ของจางวอนยอง IVE กลายเป็นมีมในชื่อ 'ความคิดแบบวอนยอง'
ตามโพสต์บน X(ทวิตเตอร์) ที่เป็นจุดเริ่มต้นของมีม ความคิดในแง่ดีคือ 'น้ำเหลือครึ่งแก้ว' ความคิดในแง่ร้ายคือ 'น้ำเหลือแค่นี้เอง' แต่ความคิดแบบวอนยองคือ 'ฉันกำลังจะไปดื่มน้ำหลังจากซ้อมเสร็จ แต่ปรากฏว่าน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้วพอดี!! ดื่มหมดก็เยอะไป ดื่มน้อยไปก็ไม่พอ ฉันเลยคิดว่าอยากให้เหลือแค่ครึ่งแก้วพอดี มันเป็นเรื่องบังเอิญดีๆ เลย!'
สรุปง่ายๆ คือ เป็นความคิดแบบ 'ยิ่งดี' หรือ 'ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉัน สุดท้ายแล้วจะเป็นเรื่องดีสำหรับฉัน'
มีมนี้สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เวลาที่ฉันบ่นว่ารถติด แม่ของฉันจะพูดว่า "รีบคิดแบบวอนยองสิ!" ฉันก็ตอบว่า "รถติดก็ดี ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวนานขึ้น นี่มันโชคดีชัดๆ!"
เราพูดกันแบบขำๆ แต่ฉันรู้สึกว่าความรู้สึกบ่นๆ ของฉันหายไป และฉันเริ่มหัวเราะ ฉันรู้สึกถึงพลังของความคิดแบบวอนยอง และฉันคิดว่ามีมนี้สามารถเปลี่ยน 'กรอบ' ของเหตุการณ์ให้กลายเป็นแง่ดี และจะเป็น 'อิทธิพลในเชิงบวก' สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังสูญเสียความหวัง
ฉันสังเกตเห็นว่าความคิดของใครบางคนสามารถกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมและ 'มีม' ได้ ฉันจึงหันกลับมามองตัวเอง ฉันมีความคิดแบบไหน? 'ความคิดแบบฮยองจู' คืออะไร ที่คนรอบข้างได้รับอิทธิพลจากฉัน
ฉันคิดว่า 'ความทุกข์ยากคือทางสู่ความสุข' เวลาที่ฉันเผชิญกับความทุกข์ยาก ฉันจะคิดว่าความทุกข์ยากนี้จะนำไปสู่ความสุขแบบไหน ฉันคอยเฝ้ารอและสงสัยเกี่ยวกับอนาคต ความคิดแบบฮยองจูคือการหยุดตัดสินเหตุการณ์ใดๆ และมี 'ความสงสัย' เกี่ยวกับอนาคต
ฉันหวังว่าผู้อ่านจะลองแทนตัวเองดูว่า 'ความคิดแบบ... ' คืออะไร
เหตุผลที่เราต้องหันกลับมามองตัวเอง เพราะความคิดและทัศนคติของเราก็มี 'อิทธิพล' ต่อคนรอบข้าง เหมือนกับที่เราซึมซับสิ่งต่างๆ จากคนรอบข้าง ถ้าเราอยู่กับคนที่ชอบด่า เราก็จะติดนิสัยชอบด่าโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราอยู่กับคนที่ร่าเริง เราก็จะร่าเริงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราอยู่กับคนที่ชอบท้าทาย การท้าทายก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราอยู่กับคนที่ชอบขอบคุณ การขอบคุณก็จะกลายเป็นนิสัยในชีวิต
ดังนั้น ลองหันกลับมามองตัวเองดูว่า เรามีความคิดแบบไหน และความคิดนั้นมีผลต่อคนรอบข้างอย่างไร
ในยุคสมัยนี้ มีเนื้อหาและมีมในแง่ลบ เช่น 'ชีวิตนี้พังแล้ว' 'ประเทศนี้เป็นนรก' แพร่หลาย แต่การที่ 'ความคิดในแง่ดีสุดๆ' ของจางวอนยอง กลายเป็นมีม นับว่าเป็นเรื่อง 'โชคดีชัดๆ'
อัลกอริธึมของโซเชียลมีเดีย รู้จักจิตใจมนุษย์ ที่ชอบจดจ่อกับสิ่งที่แย่ๆ มากกว่าสิ่งที่ดีๆ และแสดงเนื้อหาในแง่ลบให้คนเห็นมากขึ้น เยาวชนรุ่นหลังที่เติบโตมาจากการดูเนื้อหาในแง่ลบ จะมีจิตใจในแง่ดีได้ยาก แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความคิดในแง่ดีของจางวอนยอง ได้กลายเป็นมีมและกระแส เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับสังคมของเรา
ในยุคสมัยนี้ มีมมีอายุสั้น แต่ฉันหวังว่ามีม 'ความคิดแบบวอนยอง' จะคงอยู่ไปนานๆ เพื่อให้เยาวชนที่ติดกับข้อความเชิงลบ สามารถฟื้นฟูความคิดในแง่ดี และมองเหตุการณ์จากมุมมองที่แตกต่าง นั่นคือการเปลี่ยน 'กรอบ'
※ ผู้เขียนบทความนี้คือตัวฉันเอง และบทความที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจหญิงถูกนำมาจากที่นี่