หัวข้อ
- #การคิดเชิงบวก
- #มีม
- #เยาวชน
- #อิทธิพล
- #วัฒนธรรมการคิดแบบวอนยอง
สร้าง: 2024-06-27
สร้าง: 2024-06-27 10:54
[โลกแห่งครีเอเตอร์ของฮอ ยองจู]
มีม 'ความคิดเชิงบวกสุดขั้ว' ของจางวอนยอง IVE กำลังเป็นที่พูดถึง
ตัวอย่างของไอดอลที่มีอิทธิพลเชิงบวก
ขอบเขตของมีมนั้นกว้างไกลแค่ไหนกันนะ? เมื่อไม่นานมานี้ 'ความคิดเชิงบวกสุดขั้ว' ของจางวอนยอง IVE ได้กลายเป็นมีมในชื่อ 'ความคิดแบบวอนยอง'
จากโพสต์แรกสุดบน X(ทวิตเตอร์) ที่กลายเป็นมีมนั้น อธิบายว่า ความคิดเชิงบวกคือ 'น้ำเหลืออยู่อีกครึ่งแก้วนะ?' ในขณะที่ความคิดเชิงลบคือ 'น้ำเหลืออยู่อีกแค่ครึ่งแก้วเองเหรอ?' ส่วนความคิดแบบวอนยองนั้นคือ 'ฉันกำลังจะดื่มน้ำหลังจากซ้อมเสร็จพอดี แล้วก็ดันไปเจอน้ำเหลืออยู่ประมาณครึ่งแก้ว!! มากเกินไปที่จะดื่มหมด น้อยเกินไปที่จะดื่มแค่บางส่วน เลยคิดว่าถ้ามีแค่ครึ่งเดียวคงจะดีเลยนะ แต่ว่ามันโชคดีมากๆ เลยล่ะ!'
สรุปง่ายๆ ก็คือ 'ยิ่งดี' หรือ 'ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันล้วนเป็นเรื่องดีสำหรับฉัน' นั่นเอง
มีมนี้สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เขียนบ่นเรื่องรถติด แม่ของผู้เขียนก็พูดว่า “รีบใช้ความคิดแบบวอนยองซะ!” ผู้เขียนจึงตอบว่า “รถติดทำให้ฉันได้ใช้เวลากับครอบครัวนานขึ้น เป็นเรื่องโชคดีมากๆ เลยล่ะ!”
แม้จะเป็นการพูดเล่น แต่ผู้เขียนก็พบว่าความบ่นและความไม่พอใจหายไป และรู้สึกหัวเราะออกมา ซึ่งทำให้ผู้เขียนได้สัมผัสถึงพลังของความคิดแบบวอนยอง และมีมนี้สามารถเปลี่ยน 'กรอบความคิด' เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เป็นไปในทางบวก ผู้เขียนจึงคิดว่ามันจะเป็น 'อิทธิพลเชิงบวก' ที่ดีต่อกลุ่มคนหนุ่มสาวที่กำลังสูญเสียความหวัง
ผู้เขียนให้ความสนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า วิธีคิดของใครคนหนึ่งสามารถกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมและ 'มีม' ได้ และได้หันกลับมาสำรวจตัวเองว่า ตัวเองมีวิธีคิดแบบไหน และ 'ความคิดแบบยองจู' ของตัวเองคืออะไร
ผู้เขียนมีแนวคิดว่า 'ความทุกข์ยากคือเส้นทางสู่พร' ดังนั้น เมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก ผู้เขียนจะคิดว่า ความทุกข์ยากนี้จะนำไปสู่พรใด และรู้สึกอยากรู้และคาดหวังในอนาคต ผู้เขียนคิดว่าความคิดแบบยองจูคือการหยุดการตัดสินเกี่ยวกับเหตุการณ์ใดๆ และมี 'ความอยากรู้อยากเห็น' เกี่ยวกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น
อยากให้ผู้อ่านลองนึกภาพตัวเองและคิดดูว่า 'ความคิดแบบ...ของฉัน' คืออะไร
เหตุผลที่เราต้องหันกลับมาสำรวจตัวเองก็เพราะ วิธีคิดและทัศนคติต่อชีวิตของเราก็ส่ง 'อิทธิพล' ไปยังคนรอบข้างเช่นกัน เช่น ถ้าคบกับเพื่อนที่ชอบด่าทอ เราก็อาจจะติดนิสัยด่าทอโดยไม่รู้ตัว ถ้าคบกับเพื่อนที่ร่าเริง เราก็อาจจะร่าเริงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ถ้าอยู่กับคนที่ชอบท้าทาย เรื่องการท้าทายก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ และถ้าอยู่กับคนที่ซาบซึ้งในสิ่งต่างๆ การซาบซึ้งก็จะกลายเป็นนิสัยในชีวิต
ดังนั้น ลองหันกลับมาสำรวจตัวเองดูว่าเรามีวิธีคิดแบบไหน และวิธีคิดนั้นส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างไร
ในยุคที่เนื้อหาเชิงลบและมีมเชิงลบอย่าง 'ชีวิตนี้พังแล้ว' (이생망) 'เกาหลีใต้แบบนรก' (헬조선) แพร่หลาย การที่ 'ความคิดเชิงบวกสุดขั้ว' ของจางวอนยองกลายเป็นมีมนั้นนับว่าเป็นเรื่อง 'โชคดีสุดๆ' เลยทีเดียว
อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียเข้าใจถึงจิตใจของมนุษย์ที่มักจะจดจ่อกับสิ่งที่เป็นลบมากกว่าสิ่งที่เป็นบวก จึงแสดงเนื้อหาเชิงลบให้ผู้คนเห็นมากขึ้น คนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับเนื้อหาเชิงลบจึงยากที่จะมีจิตใจเชิงบวก แต่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ การที่จิตใจเชิงบวกของจางวอนยองกลายเป็นมีมและเป็นที่นิยมนั้นนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับสังคมของเรา
แม้ว่ามีมในปัจจุบันจะมีอายุสั้น แต่ก็หวังว่ามีม 'ความคิดแบบวอนยอง' จะได้รับความนิยมไปนานๆ เพื่อที่คนหนุ่มสาวที่ติดอยู่กับข้อความเชิงลบจะได้ฟื้นฟูความคิดเชิงบวกและได้ลองมองเหตุการณ์ต่างๆ ในมุมมองที่แตกต่างออกไป กล่าวคือ ได้มีประสบการณ์ในการเปลี่ยน 'กรอบความคิด'
※ ผู้เขียนบทความนี้คือตัวผู้เขียนเองบทความที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจสตรีและได้นำมาลงไว้ที่นี่
ความคิดเห็น0