หัวข้อ
- #หลอกลวง
- #อวดเงิน
- #อวดคนรู้จัก
- #มิจฉาชีพ
- #ข้อควรระวัง
สร้าง: 2024-06-12
สร้าง: 2024-06-12 14:30
[โลกของครีเอเตอร์ของฮอ ยองจู]
คำพูดที่ฟังดูดีเกินจริงจนไม่สมเหตุสมผล
เน้นการอวดเงินและการอวดคอนเนคชั่น พร้อมของขวัญมากมาย
นักต้มตุ๋นจะใช้ประโยชน์จากความปรารถนาของเหยื่อ
เขียนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566บทความที่เขียนขึ้นค่ะ
เมื่อเร็วๆ นี้ หน้าแรกของโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มต่างเต็มไปด้วย ‘เขา’ ยูทูบก็เต็มไปด้วยข่าวและสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเขา อินสตาแกรมก็มีมีมที่เกี่ยวกับวลี ‘I AM ความน่าเชื่อถือค่ะ’ ที่เขาใช้ในการแสร้งทำเป็นชาวต่างชาติ
‘เขา’ ชื่อ จอนช็องโจ เป็นผู้หญิงที่แสร้งทำเป็น ‘ลูกนอกสมรสของโรงแรมพาราไดซ์ มีเงินในบัญชีธนาคารในประเทศ 51 ล้านล้านวอน กำลังเรียนฟันดาบเพื่อไปดวลกับอีลอน มัสก์’ อะไรเนี่ย งงไปหมดแล้ว
จอนช็องโจ ปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกผ่านบทความสัมภาษณ์พิเศษ <การพบกัน ความรัก การแต่งงานของนัมฮยอนฮี นักฟันดาบ และจอนช็องโจ ทายาทเศรษฐีรุ่นที่ 3 ที่อายุน้อยกว่า 15 ปี เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดเป็นครั้งแรก> ที่นิตยสารหญิงโชซอนเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากอ่านบทความแต่งงานแล้ว เพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนที่คังฮวาโดของจอนช็องโจที่บอกว่าเขาเกิดในนิวยอร์กก็ออกมาเปิดเผยตัวกันมากมาย ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นผู้หญิง เคยถูกจำคุกมาแล้ว 2 ปีในคดีฉ้อโกง และแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งโดยสลับกับผู้ชายและผู้หญิง ประชาชนที่เคยประสบกับเหตุการณ์แต่งงานหลอกลวงของแนนซี่แลงและวังจินจินต่างก็ส่งข้อความเตือนนัมฮยอนฮีให้ระวัง และดูเหมือนว่านัมฮยอนฮีจะรอดพ้นจากเรื่องนี้ได้
ความจริงที่เปิดเผยหลังจากบทความแรกนั้นยิ่งน่าตกใจกว่าเดิม นัมฮยอนฮีอ้างว่าเธอรู้ว่าเขาเป็นคนข้ามเพศ และเชื่อว่าตัวเองท้องเพราะเขาปลูกถ่ายอัณฑะให้ เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายออกมาเรื่อยๆ พบว่ามีเหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นญาติของนัมฮยอนฮี นักเรียนของยูทูบเบอร์โรอัลนัม และคนรู้จักของเขา รวมแล้วมีเงินกว่า 1,000 ล้านวอนที่ถูกจอนช็องโจหลอกเอาไปในนามของเงินลงทุน
ตามหลักเหตุผลแล้ว คนข้ามเพศไม่สามารถมีลูกได้ และทรัพย์สินของอีแจยอง ประธานบริษัทซัมซุง ซึ่งเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศมีมูลค่าประมาณ 10 ล้านล้านถึง 11 ล้านล้านวอน แต่ถ้ามีคนมีทรัพย์สินถึง 51 ล้านล้านวอน โลกทั้งใบคงต้องรู้เรื่องนี้ไปแล้ว แค่คิดนิดหน่อยก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้มันไม่สมเหตุสมผล แต่ทำไมทุกคนถึงตกเป็นเหยื่อได้
กลยุทธ์ที่เขาใช้ในการทำให้คนตาบอดและขาดการตัดสินใจนั้นคืออะไร? ง่ายนิดเดียวเองค่ะ คือการใช้ตึกซิกนีเอล เบนท์ลีย์ บอดี้การ์ด คนขับรถ ของขวัญมากมาย การอวดคอนเนคชั่นแบบ ‘รู้จักพี่ชายของเพื่อนของ…’ การใช้ชื่อเสียงของว่าที่เจ้าบ่าวของนักกีฬาชื่อดังระดับชาติ และยอดเงินในบัญชีที่สร้างขึ้นมาเท็จ ฯลฯ
ช่วงนี้เวลาที่ดูยูทูบก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะในยูทูบมีกรณีที่ใช้กลอุบายแบบเดียวกันนี้เยอะมาก ที่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแหล่งที่มาเลย แค่ใช้ ‘บ้านและรถที่ดูดี’ ล่อใจคนเข้ามา แล้วก็ขายคอร์สเรียนส่วนตัวและชักชวนให้ลงทุน ซึ่งดูอันตรายมาก แน่นอนว่าบางคนก็จริงใจ แต่เพื่อไม่ให้มีใครตกเป็นเหยื่อจอนช็องโจคนที่ 2 เราควรจดจำ ‘วิธีระวังตัวจากนักต้มตุ๋น’ ไว้
อันดับแรก ระวังการล่อลวงด้วยบ้าน+รถหรู คนที่อยาก ‘รวยทางลัด’ เยอะมากที่เช่าคอนโดหรูอยู่ คนที่อยากพบเจอคนรวยๆ ในคอนโดมิเนียมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หรือคนที่เช่าคอนโดหรูๆ เพื่อไปนั่งเล่นในล็อบบี้แล้วแสร้งทำเป็นคนรวยมีเยอะมาก รถก็เช่นกัน ถ้าจ่ายค่าเช่าเดือนละ 1.5 ล้านวอนก็เช่ารถยุโรปได้สบายๆ ดังนั้นอย่าไปเชื่อสิ่งที่เห็น
อันดับสอง ระวังของขวัญมากมาย ผู้หญิงที่เรียกว่า ‘งูเห่า’ ก็ใช้กลยุทธ์นี้เหมือนกัน คือการแสดงออกถึงความจริงใจด้วยการให้ของขวัญมากมายก่อน จอนช็องโจและอีฮีจินที่หลอกลวงคนด้วยการแสร้งทำเป็นเศรษฐีหุ้นในชองดัมดงต่างก็ใช้กลยุทธ์การให้ของขวัญมากมายกับ ‘คนดัง’ เพื่อล่อลวงพวกเธอ แล้วใช้ชื่อเสียงของพวกเธอเป็นเครื่องมือในการสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง จงจำไว้
ระวังการอวดเงินมากเกินไป ถ้าใครอวดเงินมากเกินไป ให้ลองสงสัยดูสักหน่อย / GPT4o
อันดับสาม ระวังการอวดเงินมากเกินไป ผู้เขียนเคยเจอคนแบบนี้หลายคนแล้ว ที่บอกว่าตัวเองมีเงิน ‘หลายล้านล้านวอน’ พอได้ยินก็ขำกลิ้ง แต่พอเห็นว่ามีคนเชื่อเยอะก็ตกใจมาก ครั้งนี้จอนช็องโจก็ใช้บัตร ‘อเมริกันเอ็กซ์เพรสแบล็ค’ ที่ปลอมแปลงขึ้นมา ซึ่งเป็นบัตรที่ออกให้เฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 19,100 ล้านวอนขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยระดับ 0.001% ของโลก เพื่อโอ้อวดความร่ำรวยและล่อลวงนักลงทุน ถ้าใครอวดเงินมากเกินไปก็ควรสงสัยไว้ก่อน
อันดับสี่ ระวังคนที่ปกปิดตัวตน ผู้เขียนไม่เชื่อใจคนที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่บ้าง และหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่เจอ จอนช็องโจและวังจินจินต่างก็แสร้งทำเป็นลูกนอกสมรสที่ซ่อนเร้นของกลุ่มพาราไดซ์ ระวังคนที่ปกปิดตัวตนไม่ชัดเจน
อันดับห้า ระวังคนที่พกบอดี้การ์ดและคนขับรถ นี่เป็นวิธีการแสดงละครแบบคลาสสิกของเหล่านักต้มตุ๋น พวกเขาจะพกบอดี้การ์ดและคนขับรถเพื่อเป็นการโอ้อวด อย่าไปหลงเชื่อละครแบบนี้ บอดี้การ์ดและคนขับรถเป็นพวกเดียวกันกับเขาที่ร่วมกันแสดงละคร ผู้เขียนเคยเจอคนแบบนี้คนสุดท้ายก็ติดคุกไปแล้ว ระวังการแสดงละคร
ที่ผ่านมาได้พูดถึงวิธีระวังตัวจากนักต้มตุ๋นไปแล้ว แต่ถ้าดูซีรีส์ ‘อินนาฟรอมอินเวนชั่น’ (เรื่องราวการหลอกลวงของอินนา เดออัลวี สาวชาวเยอรมันที่แสร้งทำเป็นทายาทมหาเศรษฐีเพื่อเข้าสู่สังคมชั้นสูงของนิวยอร์ก) ในเน็ตฟลิกซ์ จะเห็นได้ว่าแม้แต่คนฉลาดๆ ในสังคมชั้นสูงของนิวยอร์กก็ยังตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงได้ ถ้าหากนักต้มตุ๋นตั้งใจจะหลอกลวงใครสักคนจริง ก็สามารถทำได้ง่ายๆ และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ นักต้มตุ๋นเหล่านี้จะชักชวนคนรอบข้างมาร่วมแสดงละครด้วย เหมือนกับวิธีการล่อลวงคนเข้าร่วมลัทธิปลอม ถ้าทีม A ล้มเหลว ก็จะมีทีม B ทีม C และทีมที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามาแทนที่ ดังนั้นถ้าหากนักต้มตุ๋นเล็งเป้าหมายใครไว้แล้ว การหลุดพ้นจากการถูกหลอกลวงอาจจะยาก
กลับมาที่เรื่องโซเชียลมีเดีย ปัจจุบันนี้พบว่ามีการพูดถึงเรื่อง ‘เงิน’ เยอะมาก มีคนมากมายที่อวดความร่ำรวยและแสดงยอดเงินในบัญชีที่ไม่ได้รับการยืนยันเพื่อล่อลวงผู้อื่น ไม่มีวิธีไหนที่จะตรวจสอบได้ว่าใครเป็นของจริง คนที่อวดบ้าน+รถหรู แล้วก็มาขายอะไรบางอย่างให้ นี่คล้ายกับวิธีการล่อลวงเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายมากๆ ในธุรกิจเครือข่าย พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการแสดงรูป ‘ตัวเองกำลังล่องเรือสำราญ’ ก่อน จากนั้นก็จะแสดงภาพ ‘เงินที่เข้าบัญชี’… เรื่องเดิมๆ ที่คนส่วนใหญ่หลงเชื่อได้ง่าย อย่าไปหลงเชื่อและพยายามมองหาความจริง
เหตุการณ์ของจอนช็องโจทำให้คนทั้งประเทศได้เรียนรู้ ‘กลยุทธ์ของนักต้มตุ๋น’ แต่ถึงอย่างนั้น นักต้มตุ๋นแบบนี้ก็ยังคงปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนก็ยังคงตกเป็นเหยื่ออยู่ดี เพราะมนุษย์นั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยง ‘ความโลภ’ และ ‘ความอยากอวด’ ได้ และ ‘พวกเขา’ ก็รู้จักใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเราได้อย่างยอดเยี่ยม
สิ่งที่สำคัญกว่าการแยกแยะนักต้มตุ๋น คือการ ‘ปกป้องตัวเอง’ ด้วยการจดจำหลักการนี้ไว้เสมอ ‘ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ในโลกนี้’
ของแบรนด์เนม บ้าน รถหรูที่นัมฮยอนฮีได้รับนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเงินของญาติและคนรู้จักของเธอเอง เธอได้รับสิ่งเหล่านี้มาแลกกับการเผชิญหน้ากับความอับอายขายหน้าที่ต้องถูกเปิดเผยเรื่องที่น่าอับอายที่สุดต่อโลก ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ จงมีทัศนคติ ‘ฉันไม่ชอบของฟรี’ อย่าไปหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ทุกคนจงตั้งสติ
ความคิดเห็น0